วันที่ 19 มีนาคม 2560 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แถลงผลการปฏิบัติการตรวจค้นแหล่งสะสมอาวุธสงคราม 9 จุด ในพื้นที่ 7 จังหวัด เครือข่ายนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี ยึดอาวุธปืน M16 4 กระบอก, เครื่องยิงลูกระเบิด M79 1 กระบอก, ปืนคาร์บิน 1 กระบอก, ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก และปืนชนิดต่าง ๆ รวม 13 กระบอก พร้อมกระสุนกว่า 5,000 นัด ป้ายผ้าสีแดง ระบุข้อความว่า โกตี๋ แดงปทุมฯ 3 ผืน และของกลางอื่น ๆ ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย เบื้องต้นได้ควบคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 ราย
การตรวจค้นดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2560 จากการสืบสวนหาข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พบว่ามีกลุ่มคนที่เป็นเครือข่ายของโกตี๋ ได้ร่วมกันวางแผนสะสมอาวุธอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เพื่อเตรียมก่อความไม่สงบขึ้น หากเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นยึดพื้นที่วัดพระธรรมกาย พล.ต.อ. ศรีวราห์ จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อว่ามีการวางแผนที่จะลงมือกระทำความผิดจริง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่ของโกตี๋และพวก มีการจัดตั้งกลุ่มคนและสะสมอาวุธ คนเหล่านี้นิยมความรุนแรง โดยเฉพาะปืนติดกล้องก็ชี้ชัดอยู่แล้วว่าไม่ได้ใช้ไปยิงนกแน่นอน แต่เป็นการนำไปใช้สำหรับยิงคนหรือลอบสังหารผู้นำ ซึ่งปืนบางกระบอกหายไปช่วงที่มีการชุมนุมและการปะทะเมื่อปี 2553 ซึ่งโกตี๋ก็พยายามเคลื่อนไหวและประกาศผ่านโลกโซเชียลว่าจะมีการลอบทำร้ายผู้นำประเทศ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล กลุ่มคนเหล่านี้เป็นภัยต่อความมั่นคง หากการสืบสวนขยายผลไปถึงใครก็ต้องดำเนินการทั้งหมด ในการติดตามตัวโกตี๋ตำรวจมีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร แต่ตำรวจก็มีศักยภาพในการติดตามตัว และโกตี๋ก็มีหมายจับมาตรา 112 อยู่แล้ว ส่วนการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามคาดว่าภายในตู้คอนเทนเนอร์นั้นเชื่อว่าน่าจะมีอาวุธซุกซ่อนอยู่
พล.ต.ต. สมบัติ มิลินทจินดา กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้เคยเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ปี 2553 กับมวลชนคนเสื้อแดง ที่ผ่านมาโกตี๋ มีความพยายามใช้โซเชียลโจมตีการทำงานของรัฐบาลและ คสช. มีการปลุกระดมให้ศิลย์วัดพระธรรมกายตอบโต้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าค้นวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ยังพบการเตรียมการลอบทำร้าย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญ ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยใช้นามแฝง "สหายหมาน้อย" จัดรายการวิทยุออนไลน์สู้เพื่อสหพันธรัฐไทย เผยแพร่ผ่าน YouTube ช่องไฟเย็นชาแนล ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีการทำงานของรัฐบาล มีการเตรียมการลอบสังหาร พล.อ. ประยุทธ์ และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และบุคคลสำคัญ ซึ่งอาวุธทั้งหลายเหล่านี้คาดว่าเตรียมการไว้สำหรับสังหารผู้นำประเทศ
นอกจากนี้จากการติดตามยังพบว่ามีการกระทำความผิดที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผ่านรายการสู้เพื่อสหพันธรัฐไทย มีการใช้ถ้อยคำหมิ่นสถาบัน อาฆาตมาดร้าย อีกทั้งยังมีการปลุกระดมมวลชนเพื่อให้ออกมาต่อต้านสถาบัน นอกจากนี้จากการตรวจค้นยังพบหลักฐานคือภาพสติกเกอร์ และแผ่นซีดี หมิ่นสถาบันอีกด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ของกลางที่ยึดได้ในครั้งนี้เป็นกลุ่มที่อยู่ในยุทธภัณฑ์ของทหาร ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2553 มีการดำเนินคดีไปแต่ยังไม่ได้ของกลางคืน ในเมื่อครั้งนี้ได้ตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางก็จะมีการดำเนินการในส่วนต่อไป และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายตำรวจและดีเอสไอได้มีการพูดเสมอว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองเข้ามาเคลื่อนไหวในวัดพระธรรมกายและตลาดกลางคลองหลวง ซึ่งจากทางการข่าวก็ตรงกันว่ามีการเตรียมการก่อเหตุ
